1. กะรัต (CARAT) หรือ น้ำหนักของเพชร
เครดิตภาพจาก GIA.
Carat (กะรัต) คือ หน่วยวัดที่ใช้ในการชั่งน้ำหนักเพชร โดยเพชร 1 กะรัต จะมีน้ำหนักเท่ากับ 0.2 กรัม และมีค่าเท่ากับ 100 สตางค์ ซึ่งหากเป็นเพชรที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กะรัต มักจะนิยมเรียกเป็นตัง เช่น เพชร 0.30 กะรัต ก็จะนิยมเรียกว่าเพชร 30 ตัง หรือ 30 สตางค์ กะรัตจึงเป็นปัจจัยเดียวใน 4C ที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะต้องใช้เครื่องช่างที่มีความเที่ยงตรงเป็นพิเศษในการบ่งบอกน้ำหนักที่มีความละเอียดสูง
โดยทั่วไปเพชรที่มีขนาดใหญ่กว่า น้ำหนักกะรัตมากกว่า ย่อมหาได้ยากกว่า จึงมักมีราคาที่สูงกว่า เพราะยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่เท่าไร ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นในอัตราก้าวกระโดด ไม่ได้สูงขึ้นแบบแปรผันตรงอย่างที่หลายท่านอาจเข้าใจผิด
แต่ขนาดของเพชรอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกราคาที่ชัดเจนได้หากแต่ต้องระบุ อีก 3 อย่างเพิ่มไปด้วยนั้นก็คือ สี ,ความสะอาด,การเจียระไน
ตัวอย่าง ความรู้พื้นฐานการคิดราคาจาก กะรัตเพชร
สำหรับการวัดน้ำหนักเพชรทุกเม็ดบนโลกนี้ จะมีกฎตายตัวอยู่เพียง 2 ข้อ
- น้ำหนักเพชรนั้นวัดด้วยหน่วย กะรัต เสมอ
ตัวอย่าง: หากเพชร 0.5 กะรัต (50 ตัง) มีราคากะรัตละ 90,000 บาท นั่นแปลว่าราคาของเพชรเม็ดนั้นจะเท่ากับ 90,000 บาท * 0.5 กะรัต = 45,000 บาท ต่อเม็ดนั่นเอง
- ราคาของเพชร ต่อกะรัต จะเพิ่มขึ้น เมื่อเข้าสู่ ช่วงลำดับขั้น ที่สูงขึ้น
ซึ่งคล้ายกับการซื้อรถยุโรป ที่ยิ่งคุณเพิ่มออปชั่นมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น จนคุณอาจจะถอยรถญี่ปุ่นได้อีกคัน
เพราะฉะนั้น ราคาเพชรจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณไปพร้อมกับน้ำหนักกะรัต เนื่องจากราคาจะเพิ่มขึ้น นั้นมาจาก น้ำหนักเพชรที่เพิ่มขึ้น บวกกับ ราคาต่อกะรัตที่สูงขึ้น
เกร็ดความรู้: เพชร 1 ตัง = 0.01 กะรัต